top of page

รอบรู้ภาษาไทย

ข้อสอบโอเน็ตพร้อมเฉลย ม.3 ปี60

โคลงสุภาษิต พระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

ผู้แต่ง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

ประวัติผู้แต่ง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕ ) เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับพระนางเธอ พระองค์เจ้ารำเพยภมราภิรมย์ (กรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์) ทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๓๙๖ มีพระนามเดิมว่าพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ พระองค์ได้เสด็จขึ้นเถลิงราชสมบัติในวันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๑๑ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีพระปรีชาสามารถ และทรงประกอบพระราชกรณียกิจที่สำคัญต่อประเทศชาติเป็นเอนกประการ พระองค์จึงเป็นที่รักของอาณาประชาราษฎร์ปวงชนทั้งหลายจึงพร้อมใจกันถวายพระสมญานามว่า “สมเด็จพระปิยมหาราช” ซึงแปลว่า พระมหากษัตริย์อันเป็นที่รัก พระองค์สวรรคตเมื่อวันที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๕๓ นอกจากนี้พระองค์ยังมีพระปรีชาสามารถในการประพันธ์งานพระราชนิพนธ์มีทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง อาทิ ไกลบ้าน กาพย์เห่เรือ พระราชวิจารณ์ต่างๆ ลิลิตนิทราชาคริต บทละครเรื่องเงาะป่า พระราชหัตถเลขา พระราชพิธีสิบสองเดือน โคลงอธิบายภาพรามเกียรติ์ โคลงสุภาษิต รวม ๑๑ เรื่องโคลงบทที่นำมาให้นักเรียนศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ คือ โคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค์ โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการ และโคลงสุภาษิตอิศปปกรณำ

 โคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค์

ลักษณะการแต่ง โคลงสี่สุภาพ

โคลงสี่สุภาพบังคับคณะ สัมผัส เอกโท

คณะ ได้แก่ จำนวนคำในวรรค บาท และบท โดย ๑ บท มี ๔ บาท ๑ บาทมี ๒ วรรค วรรคหน้า ๕ คำ วรรคหลัง ๒ คำ ยกเว้นวรรคสุดท้ายมี ๔ คำ

หมายเหตุ บาทที่ ๑ – ๓ มีบาทละ ๗ คำ วรรคหน้า ๕ คำ วรรคหลัง ๒ คำ บาทที่ ๔ มี ๙ คำ วรรคหน้า ๕ คำ วรรคหลัง ๔ คำ

สัมผัส ๑ บท มี ๓ แห่ง

เอกโท มีคำเอก ๗ แห่ง คำโท ๔ แห่ง

หมายเหตุ คำเอก คำที่มีรูปวรรณยุกต์เอกกำกับ คำตายใช้แทนคำเอกได้ เช่น น่า ว่า ทั่ว เป็นต้น

คำโท คือ คำที่มีรูปวรรณยุกต์โทกำกับ เช่น หล้า ให้ ได้ อ้า เป็นต้น

คำเอกโทษ คือ การใช้คำเอกแทนคำโท เช่น ค่า ค่อ เค่า (ปกติคือ คำ ข้า ข้อ เข้า) เป็นต้น

คำโทโทษ คือ การใช้คำโทแทนคำเอก เช่น เหล้น เหยี้ยง (ปกติคือคำ เล่น เยี่ยง) เป็นต้น

 แผนผังโคลงสี่สุภาพ

ที่มา เดิมเป็นสุภาษิตภาษาอังกฤษ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้กวีในราชสำนักแปลและประพันธ์เป็นโคลงภาษาไทย แก้ไขให้ถูกต้องตามความในภาษาอังกฤษ

จุดมุ่งหมายในการแต่ง แนะนำสิ่งที่ควรปฏิบัติและสิ่งที่ควรละเว้น ๑๖ หมวด หมวดละ ๓ ข้อ เพื่อให้ผู้ปฏิบัติมีความเจริญในชีวิต

สาระสำคัญของเรื่อง มีบทนำ ๑ บท เนื้อเรื่อง ๑๖ บท และบทสรุป ๑ บท ซึ่งบอกจำนวนสุภาษิตว่ามี ๑๖ หมวด หมวดละ ๓ ข้อ รวมเป็น ๔๘ ข้อ ดังนี้

๑.สามสิ่งควรรัก คือ ความกล้า ความสุภาพ ความรักใคร่

๒.สามสิ่งควรชม คือ อำนาจปัญญา เกียรติยศ มารยาทดี

๓.สามสิ่งควรเกลียด คือ ความดุร้าย ความหยิ่งกำเริบ ความอกตัญญู

๔.สามสิ่งควรรังเกียจติเตียน คือ ชั่วเลวทราม มารยา ริษยา

๕.สามสิ่งควรควรเคารพ คือ ศาสนา ยุติธรรม สละประโยชน์ตนเอง

๖.สามสิ่งควรยินดี คือ งาม ตรงตรง ไทยแก่ตน

๗.สามสิ่งควรปรารถนา คือ ความสุขสบาย มิตรสหายที่ดี ใจสบายปรุโปร่ง

๘.สามสิ่งควรอ้อนวอนขอ คือ ความเชื่อถือ ความสงบ ใจบริสุทธิ์

๙.สามสิ่งควรนับถือ คือ ปัญญา ฉลาด มั่นคง

๑๐.สามสิ่งควรชอบ คือ ใจอารีสุจริต ใจดี ความสนุกเบิกบานพร้อมเพรียง

๑๑.สามสิ่งควรสงสัย คือ ยอ หน้าเนื้อใจเสือ พลันรักพลัดจืด

๑๒.สามสิ่งควรละ คือ เกียจคร้าน วาจาฟั่นเฝือ หยอกหยาบและแสลงฤาขัดคอ

๑๓.สามสิ่งควรกระทำให้มี คือ หนังสือดี เพื่อนดี ใจดี

๑๔.สามสิ่งควรหวงแหนหรือต่อสู้เพื่อรักษา คือ ชื่อเสียงยศศักดิ์ บ้านเมืองของตน มิตรสหาย

๑๕.สามสิ่งควรครองไว้ คือ กริยาที่เป็นในใจ มักง่าย วาจา

๑๖.สามสิ่งควรเตรียมเผื่อ คือ อนิจจัง ชรา มรณะ

ข้อคิดที่ได้จากเรื่อง ผู้ที่นำสาระสำคัญของโคลงเรื่องนี้ไปปฏิบัติย่อมนำความสุข ความเป็นสิริมงคล ความเจริญใจมาสู่ตนเอง เกิดความเจริญในชีวิต เป็นประโยชน์ต่อชีวิตของตนเองและต่อสังคมส่วนรวม

โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการ

ลักษณะการแต่ง โคลงสี่ภาพ

จุดมุ่งหมายในการแต่ง เพื่อเป็นข้อเตือนใจถึงสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ปฏิบัติตามและทำให้บุคคลนั้นไม่เสียใจ

สาระสำคัญของเรื่อง มีบทนำ ๑ บท เนื้อเรื่อง ๑๐ บท และบทสรุป ๑ บท บทนำกล่าวว่าผู้รู้หรือนักปราชญ์ให้ไตร่ตรองแล้วปฏิบัติตามคำสอน ซึ่งเป็นแนวทางที่ควรประพฤติ ๑๐ ประการ หรือกิจ ๑๐ ประการที่ผู้ประพฤติจะไม่ทำให้เสียใจ ตามด้วยโคลงอีก ๑๐ บท กล่าวถึงแนวทางที่ควรปฏิบัติตามลำดับดังนี้

บทที่ ๑ ให้ความดีกับบุคคลทั่วไปไม่เลือกบุคคล                    บทที่ ๒ ไม่กล่าวว่าร้ายผู้อื่น

บทที่ ๓ ฟังความแล้วพิจารณาก่อนตัดสินใจ                           บทที่ ๔ ควรคิดก่อนพูด

บทที่ ๕ งดการพูดในเวลาโกรธ                                               บทที่ ๖ ควรกรุณาต่อผู้อบจน

บทที่ ๗ ขอโทษเมื่อทำผิดพลาด                                            บทที่ ๘ ควรมีความอดกลั้นต่อผู้อื่น

บทที่ ๙ อย่างฟังคนพูดนินทาหรือคำพูดที่ไร้สาระ                  บทที่ ๑๐ อย่าหลงชื่อข่าวร้ายหรือข่าวที่ยังไม่เป็นความจริง

บทสุดท้าย กล่าวสรุปว่าบุคคลที่ปฏิบัติตามกิจทั้ง ๑๐ ประการแล้วจะทำให้เสียใจ มีแต่จะนำผลดีต่อผู้ปฏิบัติให้เป็นที่น่าดีใจ น่าพอใจ ถ้าทำไม่ได้ทั้งหมดก็ควรพยายามตัด ระงับ พยายามดับ เพื่อจะทำให้เกิดความสงบได้บ้าง ดีกว่าไม่ปฏิบัติเลย

ข้อคิดที่ได้จากเรื่อง

๑.ข้อคิด ข้อเตือนใจเหล่านี้สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันให้ดำเนินชีวิตได้ถูกต้อง

๒.บุคคลใดที่ละเว้นกิจ ๑๐ ประการได้ ย่อมทำให้จิตใจเป็นสุข อันเป็นความสุขที่แท้จริงของมนุษย์ ทำให้จิตใจสงบ ไม่คิดฟุ้งซ่าน ย่อมไม่ทำให้เสียใ

โคลงสุภาษิตอิศปปกรณำ

ลักษณะการแต่ง ร้อยแก้วและสรุปด้วยโคลงสี่สุภาพ

ที่มา แปลมาจากนิทานกรีกฉบับภาษาอังกฤษ

จุดมุ่งหมายในการแต่ง เป็นคติสอนใจเพื่อเลือกเป็นแนวทางแก่ผู้อ่านให้เลือกปฏิบัติตามคำสอนจากนิทานในแต่ละเรื่อง

สาระสำคัญของเรื่อง

เรื่องที่ ๑ ราชสีห์กับหนู สรุปคติสอนใจว่า อย่าประมาทผู้ที่ด้อยกว่าเพราะบางครั้งเราอาจต้องขอความช่วยเหลือจากเขา

เรื่องที่ ๒ บิดากับบุตรทั้งหลาย สรุปคติสอนใจว่า ให้รักสามัคคีกันแล้วจะไม่มีอันตรายใด ๆ มาเบียดเบียนได้

เรื่องที่ ๓ สุนัขป่ากับลูกแกะ สรุปคติสอนใจว่า อย่าคาดหวังจะได้รับความเห็นใจจากคนชั่ว

เรื่องที่ ๔ กระต่ายกับเต่า สรุปคติสอนใจว่า อย่าประมาทเชื่อมั่นในตนเองมากเกินไป เพราะอาจเพลี่ยงพล้ำให้ได้รับความอับอายได้

ข้อคิดที่จากเรื่อง

๑.นิทานเป็นเรื่องเล่าที่มีคติสอนใจ สามารถเลือกใช้และนำมาปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้

๒.สะท้อนให้เห็นปรัชญา แนวความคิด คุณธรรม การแก้ปัญหาต่างๆ เป็นแบบอย่างที่ดี สามารถทำให้คนที่ปฏิบัติตามเกิดความสงบ ความสุข ต่อตนเองและสังคมได้

ความรู้ประกอบ

 

bottom of page